ภาพข่าวการปราบปรามคอร์รัปชันในประเทศที่ปรากฏเป็นข่าวอื้อฉาวหลายกรณีสะท้อนให้เห็นปัญหาการทุจริตที่ยังซุกซ่อนอยู่ มิหนำซ้ำยังมีแนวโน้มทวีความรุนแรงขึ้น ขณะที่ผลการดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ชาติด้านการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบเมื่อปี 2565 อยู่ในขั้นวิกฤตในการบรรลุเป้าหมาย นี่เป็นโจทย์ใหญ่และความท้าทายที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเพื่อหยุดยั้ง และกอบกู้ภาพลักษณ์ เรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมา
กองทุน ป.ป.ช. ได้จัดเวทีเสวนาระดมผู้บริหารจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และนักวิชาการมากประสบการณ์ และองค์ความรู้ มาผนึกกำลังกันเพื่อสะท้อนปัญหา ระดมความคิดเห็น และข้อเสนอแนะในการแก้ไข ป้องกัน และปราบปรามการคอร์รัปชันเพื่อให้เห็นผลเป็นรูปธรรม ในหัวข้อ ลงทุนไทยไร้สินบน : ปลดล็อกข้อมูลรัฐ จุดเปลี่ยนปราบโกง (Open Government : Game Changer in Fight against Corruption)
โดยได้รับเกียรติจาก
นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวปาฐกถาในหัวข้อ “ข้อมูลข่าวสารสาธารณะ
อาวุธปราบโกงยุคดิจิทัล”
จากนั้นเป็นการเปิดวงเสวนา ในหัวข้อ “ปลดล็อกข้อมูลรัฐ จุดเปลี่ยนปราบโกง” โดยได้รับเกียรติจาก ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่ให้ความสำคัญในเรื่องของOpen Bangkok การเปิดเผยข้อมูล และการแจ้งเรื่องทุจริตผ่านทาง Traffy Fondue โดยเน้นเป็นประเด็นสำคัญ รศ.ดร.ต่อตระกูล ยมนาค กรรมการมูลนิธินโยบายสาธารณะเพื่อสังคมและธรรมาภิบาล ที่จะมาสัมมนาในเรื่องของ "ความสำเร็จของการต่อต้าน ปราบปรามคอร์รัปชันของประเทศต่าง ๆ ที่ทำได้สำเร็จทุกประเทศคือต้องมีรัฐบาลที่เข้ามาโดยสุจริต ไม่ต้องลงทุนใช้จ่ายเงินสนับสนุนหรือต้องได้รับเงินสนับสนุนจากกลุ่มทุนขนาดใหญ่ทีต้องชดใช้บุญคุณเมื่อได้มีอำนาจอยู่ในมือ"รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ ประธานกรรมการบริหารสถาบันปรีดี พนมยงค์ได้ให้ทัศนะไว้ว่า "ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี กระแสประชาธิปไตยทางตรง การบริหารแบบมีส่วนร่วม การกระจายอำนาจจะนำไปสู่ Open government ที่ภาครัฐจะทำงานอย่างโปร่งใส ลดทุจริต และมีประสิทธิภาพสูงขึ้น" และนายกิตติ ตั้งจิตรมณีศักดา รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยโดยมี ดร.วิทย์ สิทธิเวคินเป็นผู้ดำเนินรายการสัมมนาและนำซักถาม