DHT Hair Clinic ร่วมกับโรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งกมล จัดงานเปิดตัว “Full Hair BY DHT Clinic” คลินิกดูแลเรื่องเส้นผมแบบครบวงจร ที่มาพร้อมเทคโนโลยีทันสมัย และความเชี่ยวชาญของแพทย์ระดับแถวหน้าของไทย ตอบโจทย์คนที่มีปัญหาเรื่องเส้นผม เอาใจคนรักความงามทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ชูนวัตกรรมความเป็นผู้นำการปลูกผม ที่ต่างชาติให้การยอมรับ
งานเปิดตัวจัดขึ้นในวันที่ 23 มีนาคม 2567 ณ โรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งกมล (ทาวน์อินทาวน์)
โดยมีเหล่าคนดังจากหลากหลายวงการมาร่วมงานอย่างคับคั่ง อาทิ คุณท็อป จรณ โสรัตน์, คุณศิริเพ็ญ พันธ์ศรีทุม, คุณโฉมวดี พุ่มหิรัญ, คุณพอล ปฐมวาณิชย์, คุณแซ็ค นัธวินทร์ ทองย้อย, คุณสุพศิน อินต๊ะสงค์ พร้อมพาสื่อมวลชนเข้าชมเพื่อร่วมภูมิใจไปกับนวัตกรรมไทย ที่ได้รับการยอมรับฆระดับสากล
จากผลการวิจัยตลาดปลูกผมทั่วโลกได้คาดการณ์ว่าในปี 2027 มูลค่าตลาดจะสูงกว่า 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 150,000 ล้านบาท โดยภูมิภาคเอเชีย มีอัตราการเติบโตที่เร็วที่สุดอยู่ที่ประมาณ 5.36% และในส่วนของมูลค่าตลาดในไทยนั้นก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าตลาดโลก ในปี 2567 คาดการณ์ว่า มีมูลค่าตลาดสูงมากกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่ามีมูลค่าตลาดสูงมาก ส่งผลให้ DHT Hair Clinic เล็งเห็นถึงโอกาสสำคัญทางการตลาดในส่วนนี้จึงได้จับมือร่วมกับโรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งกมล ก่อตั้ง Full Hair BY DHT Clinic รองรับตลาดการปลูกผมที่ขยายตัวและเพื่อตอบโจทย์คนไทยทีมีปัญหาด้านเส้นผม
Full Hair BY DHT Clinic ก่อตั้งโดย นพ. ดําเกิง ปฐมวาณิชย์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ด้านการปลูกผมที่มีประสบการณ์ มากกว่า 30 ปี ผู้ก่อตั้ง DHT Hair Clinic คลินิกปลูกผม แห่งแรกในประเทศไทย ร่วมกับโรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งกมล ที่ได้รับการรับรอง คุณภาพมาตรฐานระดับโลกจาก JCI สหรัฐอเมริกา โดยนายแพทย์ กมล พันธ์ศรีทุม ศัลยแพทย์ตกแต่งประสบการณ์ผ่าตัดแปลงเพศ จากชายเป็นหญิงและ จากหญิงเป็นชาย และการผ่าตัดศัลยกรรมตกแต่งอื่น ๆ เกือบ 30 ปี มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักได้รับการยอมรับจากทั่วโลกด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ และทุ่มเทที่จะมอบประสบการณ์ปลูกผมถาวรที่ดีที่สุดให้กับคนไข้ และเทคนิคการปลูกผมแบบ Personalize เฉพาะบุคคล โดยคํานึงถึง หลักวิชาชีพที่ถูกต้อง และความปลอดภัยที่สูงสุด พร้อมส่งมอบประสบการณ์การปลูกผมถาวรที่สร้างความพึงพอใจตอบทุกโจทย์ความต้องการ
นพ. ดําเกิง ปฐมวาณิชย์ เปิดเผยว่า DHT Hair Clinic คลินิกปลูกผมแห่งแรกในประเทศไทยและโรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งกมลผู้นำด้านการศัลยกรรมตกแต่งเฉพาะทาง แบบครบวงจร เล็งเห็นถึงปัญหาเส้นผมของคนไทยและคนต่างชาติ ทั้งปัญหาผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้าน รวมถึงได้ให้ความสําคัญกับการปลูกผมข้ามเพศ ในกลุ่ม LGBTQA+ จึงได้ร่วมมือผนึกกําลังเปิดตัว Full Hair BY DHT Clinic คลินิกปลูกผมชั้นนำของประเทศไทยขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ปัญหาต่างๆ นี้ และจากข้อมูลเชิงสถิติรวมถึงสิ่งที่ประสบจากเคสจริงอยู่ในขณะนี้พบว่าปัจจุบันคนไทยประสบกับปัญหาภาวะผมร่วงบางหรือศีรษะล้าน โดยเฉพาะในผู้ชายไทยมีปัญหาผมร่วงบางถึงประมาณเกือบ 20 ล้านคน จากปัจจัยด้านสภาพแวดล้อม มลภาวะ รวมไปถึงการใช้ชีวิตประจำวันต่าง ๆ การบริโภคอาหารที่ไม่มีประโยชน์ ความเครียด โรคประจำตัว และพันธุกรรม ส่งผลให้เกิดปัญหาด้านเส้นผมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้าน เป็นต้น
ด้าน นพ. ภาสุร์ เปี่ยมพงศ์สานต์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกผม Full Hair BY DHT Clinic เปิดเผยว่า “ในส่วนของการให้บริการนั้นคลินิกให้บริการดูแลรักษาอาการผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้าน รองรับการรักษาปัญหาเส้นผม ทุกรูปแบบ แบบครบวงจรตอบโจทย์ทุกเพศทุกวัย และการปลูกผมถาวรปรับรูปหน้าเพื่อ ความสวยงามทั้งกลุ่มผู้ชาย ผู้หญิง ทุกวัย และกลุ่มผู้หลากหลายทางเพศ LGBTQA+ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อเสริมสร้างบุคลิกภาพที่ดีในแบบของตัวคุณเอง”
Full Hair BY DHT Clinic เป็นผู้นําด้านการปลูกผมถาวรในประเทศไทย ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก และเกิดการบอกต่อกันอย่างต่อเนื่องด้วยผลลัพธ์ที่ประทับใจ ดูแลการปลูกผมด้วยทีมแพทย์ผู้ชํานาญการด้านเส้นผมภายใต้การฝึกอบรมของ นพ. ดําเกิง ปฐมวาณิชย์ ประกอบกับเครื่องมือทางการแพทย์ และเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ทันสมัย รวมถึงเทคนิคการปลูกผมที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ทําให้คนไข้มั่นใจได้ว่า จะได้รับการผ่าตัดปลูกผมถาวรที่มีคุณภาพสูง ปลอดภัย และผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
นพ. ภาสุร์ เปี่ยมพงศ์สานต์ กล่าวเพิ่มเติมว่า Full Hair BY DHT Clinic ให้ความสําคัญกับเรื่องหลักความถูกต้องในวิชาชีพ ด้านการแพทย์โดยตระหนักว่าผลลัพธ์ที่ดีต้องเริ่มจากการรักษาที่ดี แพทย์ผู้รักษามีความ เชี่ยวชาญ ให้ความจริงใจและตรงไปตรงมา มีความปลอดภัยที่สูงสุด สามารถให้คําแนะนําที่ถูกต้องได้ทั้งก่อนผ่าตัดปลูกผม และติดตามอาการหลังการผ่าตัดปลูกผมในระยะยาว
ทางด้านคุณท็อป จรณ โสรัตน์ กล่าวว่า หากจะต้องใช้บริการในการปลูกผม ปัจจัยที่คำนึงถึงใช้การเลือกใช้บริการ นั่นก็คือเรื่องความเชี่ยวชาญและชื่อเสียงของแพทย์เป็นสำคัญ เพราะทำให้มั่นใจในการเข้ารับบริการ เพราะถ้าหากไม่ได้รับการดูแลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ อาจจะส่งผลความเสียหาย และผลข้างเคียงต่างๆ ตามมาได้นั่นเอง
นพ. ดําเกิง กล่าวปิดท้ายว่า “สำหรับการร่วมมือกันครั้งนี้เราจะสนับสนุนซึ่งกันและกัน เพื่อเติบโตไปด้วยกันอย่าง มั่นคงและยั่งยืน ช่วยรักษาทุกปัญหาเส้นผมให้กับคนไข้ เพื่อให้ทุกคนมีสุขภาพผมที่แข็งแรง สวยงาม และสร้างความมั่นใจได้อีกครั้ง รวมถึงยกระดับการปลูกผมถาวรอย่างสมบูรณ์”